โทนี่ คลิฟ

ครอบครัว

คนส่วนใหญ่มีความหวังว่าครอบครัวจะเป็นแหล่งความสงบสุขและความอบอุ่นในโลกแห่งการทำงานที่ไร้หัวใจ

แต่ระบบทุนนิยมที่สร้างสถานการณ์ที่พาคนส่วนใหญ่ไปหวังพึ่งความอบอุ่นของครอบครัวแต่แรก มักนำชีวิตการทำงานมาสอดแทรกชีวิตครอบครัวเสมอ และในสุดท้ายชีวิตครอบครัวก็ถูกควบคุมจากภายนอกโดยโลกแห่งการทำงานอยู่ดี โลกแห่งความ “ส่วนตัว” จึงไม่สามารถปกป้องเราจากพลังของทุนนิยมที่ไร้มนุษยธรรมได้ เช่นกรรมกรในโรงงานมักบ่นว่าการทำงาน“โอที”อย่างเหน็ดเหนื่อย ที่จำต้องทำเพื่ออยู่รอด มักทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาและลูกกับพ่อแม่ เช่นผู้ชายที่ทำงานหลายชั่วโมงจะกลับถึงบ้านแล้วหวังว่าภรรยาเขาที่ทำงานนานพอๆ กันจะมีเวลาให้เขาหรือจะมีเวลาทำงานบ้าน

นอกจากนี้ระบบทุนนิยมได้ทำให้ความสัมพันธ์ทางเพศกลายเป็นสินค้า ไม่ว่าจะเป็นการขายความฝันผ่านสื่อต่างๆ หรือการขายผลิตพันธ์ที่จะเสริมสร้างความงามหรือแรงดึงดูดทางเพศ ในที่สุดเรื่องเซ็กซ์ถูกแปรเป็นแค่กลไกหรือเทคนิคไป ในปี 1921 อาเลคซานดรา คอลอนไท นักมาร์คซิสต์รัสเซีย ได้โจมตีความคิดเรื่องเพศสัมพันธ์ภายใต้อิทธิพลของนายทุน ที่มองว่าเป็นเพียงเทคนิคที่ไร้ความรู้สึกรอบด้าน คอลอนไท เสนอว่าจริงๆ แล้วเพศสัมพันธ์ต้องถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของภาพรวมของความสุขที่มาจากความรักระหว่างมนุษย์ และต้องถูกมองว่าเป็นสิ่งที่น่าจะเสริมสร้างความงามของชีวิต ในบุคคลที่มีชีวิตที่เต็มสมบูรณ์ แง่เทคนิคทางร่างกายแห่งเพศสัมพันธ์จะเป็นเพียงส่วนน้อยของประสบการณ์ทั้งหมดของความรัก

ในระบบทุนนิยมการให้ความสำคัญกับเทคนิคของเพศสัมพันธ์เป็นบ่อกำเนิดแห่งความกังวลและความขัดแย้งในครอบครัว หญิงจะถามตนเองว่า “ฉันสวยพอไหม?” “มีแรงดึงดูดทางเพศเท่าดาราในจอโทรทัศน์หรือไม่?” ชายก็จะถามตัวเองเช่นกันว่า “ผมเป็นหนุ่มเสือไฟแรงหรือไม่?” ตราบใดที่มีทุนนิยม การมีเพศสัมพันธ์อย่างเสรีมีไม่ได้ ไม่ว่าเราจะมีคู่รักสักกี่คน เพราะหญิงและชายไม่ได้ถูกปลดแอกจากกรอบครอบครัวที่สะท้อนและขยายความไม่เท่าเทียม ความรุนแรง และแรงกดดันต่อมนุษย์ทั้งหลาย ที่ดำรงอยู่ในสังคมภายนอก และเป็นสาเหตุของความขัดแย้งต่างๆ นานาในครอบครัว

แต่ครอบครัวก็ยังดำรงอยู่ต่อไป หญิงถูกกดขี่ในระบบครอบครัว โดยถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้ทำงานบ้านหลัก แทนที่จะมีบทบาทในโลกภายนอก แต่เธอก็ยังไม่กล้าแยกตัวออก เธอประดับโซ่ตรวนของเธอในครอบครัวด้วยดอกไม้แห่งความรัก ทั้งชายและหญิงยังแสวงหาที่พึ่งในครอบครัวต่อไปทั้งๆ ที่มันให้ความสุขและความอบอุ่นตามความคาดหวังไม่ได้ เพราะอะไร? สาเหตุหนึ่งก็มาจากการที่เรามองว่ามันยังดีกว่าโลกภายนอก ถ้าไม่มีครอบครัวเราย่อมโดดเดี่ยวและขาดความอบอุ่นยิ่งขึ้น อีกสาเหตุหนึ่งก็มาจากความต้องการของระบบทุนที่จะผลิตแรงงานรุ่นต่อไป โดยโยนภาระการเลี้ยงดูลูกให้เป็นเรื่องส่วนตัวแทนเรื่องส่วนรวม และอีกสาเหตุหนึ่งคือระบบครอบครัวบรรเทาความไร้มนุษยธรรมในโลกภายนอกจนทำให้เราตาบอดถึงความโหดร้ายของระบบ แทนที่เราจะตั้งคำถามกับทุนนิยม เรากลับทะเลาะกับคู่รักภายในครอบครัวแทน สรุปแล้วครอบครัวที่เห็นอยู่ทุกวันนี้เป็นทั้งผลิตผลของทุนนิยมและเป็นสิ่งหนึ่งที่ปกป้องให้ทุนนิยมอยู่รอดต่อไปได้

ในการสร้างโลกใหม่แห่งสังคมนิยม เราต้องล้มระบบครอบครัวพร้อมๆ กับการล้มรัฐนายทุนและกลไกตลาด เพื่อสร้างความรักแท้ระหว่างมนุษย์